ปัจจุบันโลกกำลังผจญกับสภาวะโลกร้อน
ทำให้เราควรเผชิญกับแสงแดดมากขึ้น ซึ่งแสงแดดนี้ทั้งเป็นต้นเหตุของปัญหาต่าง ๆ
มากมาย ดังเช่น เป็นตัวการของการไหม้บนผิวหนัง การเกิดริ้วรอยก่อนวัย
ตลอดจนเป็นต้นเหตุของมะเร็งผิวหนัง
เพราะว่าตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดปัญหาดังกล่าวมา คือ รังสี ultraviolet (UV) ที่มากับแสงแดดนั่นเอง
รังสี UV แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ UVA , UVB และ UVC แต่ตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดอันตรายต่อเซลล์ผิวหนังก็คือ
รังสี UVA และ UVB เราจึงจำต้องมีการป้องกันผิวจากรังสีดังกล่าว
เพราะว่าทางเลือกที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้
คือ ครีมกันแดดซึ่งมีส่วนผสมหลัก คือ สารกันแดด ซึ่งสารกันแดดแบ่งออกได้เป็น 3
ประเภท ตามกลไกการทำงานดังนี้
- สารกันแดดแบบกายภาพ (Physical blockers) ทำหน้าที่สะท้อนหรือหักเหรังสี UV ได้แก่ titanium dioxide (TiO2) และ zinc oxide (ZnO)
- สารกันแดดแบบเคมี (Chemical absorbers) ทำหน้าที่ดูดซับรังสี UV ให้มีความเข้มน้อยลงเมื่อผ่านลงสู่ผิวหนัง ได้แก่ benzophenhone-3 (Oxybenzone), butylmethoxydlbenzoylmethane (Avobenzone)
- Hybrid (Organic particulates) สารกลุ่มนี้ได้พัฒนาขึ้นมาใหม่ เป็นสารกันแดดที่ทำหน้าที่สะท้อนและดูดซับรังสี UV ได้ทั้งสองอย่างในตัวเอง ได้แก่ Bis-BenzotriazolylTetramethylbutylphenol หรือ Tinosorb® M
ปัจจุบันพบว่า
แนวโน้มของการใช้สารเคมีลดลง เพราะว่าคนส่วนใหญ่หันไปให้ความสนใจกับสารธรรมชาติมากขึ้น
จึงมีการคิดค้นสารกันแดดจากธรรมชาติ เพราะส่วนมากมักได้จากพืช อาทิเช่น น้ำมันงา
น้ำมันมะพร้าว สารสกัดจากชะเอมเทศ สารสกัดจากอบเชย สารสกัดจากทับทิม
สารสกัดจากขมิ้น สารสกัดต้นหม่อน และสารสกัดจากว่านหางจระเข้ จากการศึกษา พบว่า
สารสกัดเหล่านี้ นอกจากนี้จะช่วยป้องกันรังสี UV ได้แล้ว ยังมีสรรพคุณอื่น ๆ อีก ประหนึ่ง antioxidant (สารต้านอนุมูลอิสระ), anti-aging (การชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ)
และ anti-inflammation (ต้านการอักเสบ)
Aloe vera สารสกัดว่านหางจระเข้
จากการศึกษาวิจัย พบว่า ส่วน aloe gel โดยสารที่พบได้ใน
aloe gel เป็นสารจำพวก polysaccharides (สารพอลิแซ็กคาไรด์)
, glycoproteins (สารไกลโคโปรตีน) , anthraquinone (สารแอนทราควิโนน) และยังมีเอนไซม์บางประเภทที่มีฤทธิ์ช่วยลดการอักเสบ
จากการศึกษาทางคลินิกพบว่า aloe gel มีศักยภาพในการช่วยรักษาอาการไหม้
เหตุเพราะ ความร้อนและรังสี เพราะว่าการทดสอบในหนูทดลอง พบว่า aloe gel สามารถช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด และลดการเกิดกระบวนการอักเสบได้
เพราะว่าจะทำให้กลไกการเกิดการอักเสบช้าลง
และเพิ่มระยะเวลาในการปรับสภาพเซลล์ผิวหนังชั้นหนังกำพร้าหลังจากโดนรังสี
และความร้อนเผาไหม้ สำหรับผลในการป้องกันการทำลายเซลล์ผิวจากรังสี พบว่า
aloe gel สามารถป้องกันเซลล์ผิวหนังจากการทำลายจากรังสีแกมม่า รังสี
x-ray และรังสี UVB ในหนูทดลอง โดย
aloe gel สามารถลดการเกิดกระบวนการดูดซับรังสี UVB ของเซลล์ในระบบภูมิต้านทานที่ผิวหนังในผิวหนังชั้นหนังกำพร้าได้
จึงส่งผลทำให้เกิดการหลั่งภูมิคุ้มกัน และทำให้อาการแพ้ลดลง นอกจากนี้ aloe
gel ยังสามารถจำกัดอนุมูลอิสระ (Scavenge free radicals) ได้อีกด้วย
จากการศึกษา ยังพบว่า
ความเข้มข้นของ aloe gel ในสูตรต้นตำรับที่เหมาะสมในการรักษาแผลไหม้
เนื่องจาก ถูกความร้อนและรังสีนั้น ควรมีความเข้มข้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของตำรับ
และยังพบว่า aloe vera ยังสามารถช่วยป้องกันการเกิดการไหม้
เพราะว่าแสงแดดได้ เพราะว่าสามารถช่วยดูดซับรังสีในช่วงความยาวคลื่น 290-320
นาโนเมตร ซึ่งเป็นช่วงความยาวคลื่นที่มีผลต่อกระบวนการ melanogenesis หรือกระบวนการสร้างเม็ดสีที่ส่งผลทำให้สีผิวคล้ำขึ้นได้
จากที่กล่าวมาข้างต้น
จะเห็นได้ว่า
สารสกัดจากว่านหางจระเข้คือสารจากธรรมชาติที่สามารถนำมาใช้เป็นสารกันแดดในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางได้
ช่วยป้องกันรังสี UV จากแสงแดด
เพิ่มภูมิคุ้มกัน ลดอาการระคายเคือง ช่วยป้องกันการเกิดการไหม้จากแสงแดด
นวพร เอี่ยมธีระกุล
สอบถามเพิ่มเติม 0816518088
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น