หลักการเบื้องต้นในการดูแลรักษาผิวตามสภาพผิวหนัง
ลักษณะผิวประเภทต่าง ๆ
1. ผิวธรรมดา (Normal Skin)
- เป็นลักษณะผิวที่หาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนเมือง
- ลักษณะผิว สะอาด เนียนนุ่ม เต่งตึง ไม่มัน ไม่มีริ้วรอย เนื้อเยื่อชั้นหนังกำพร้าจะมีความหนาพอดีไม่บางหรือหนาเกินไป มีความยืดหยุ่นดี เนื้อผิวชุ่มชื้น น่าสัมผัส
2. ผิวแห้ง (Dry Skin)
- ลักษณะผิว
ผิวชั้นนอกบางเห็นเส้นเลือดแดงเรื่อ ๆ เนื้อผิวแตกเป็นเกล็ดขุยลอกออกเป็นคราบ มีอาการคันร่วมด้วย
เกิดริ้วรอยได้ง่าย จะรู้สึกแน่นตึงบนผิวหน้าโดยเฉพาะหลังจากล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ
ผิวเช่นนี้จะเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
- ข้อแนะนำ
ล้างหน้า สมานผิวและบำรุงผิวทุกวัน
- สาเหตุ
- ต่อมน้ำมันผลิตไขมันออกมาน้อย
- ต่อมเหงื่อขับน้ำออกมาน้อย
- ใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติในการชะล้างที่แรง
น้ำหล่อเลี้ยงจึงถูกกำจัดด้วย ทำให้ขาดความชุ่มชื้น
- ขาดวิตามินซี
- อยู่ในที่อากาศร้อนมาก
- ออกแดดโดยไม่ปกป้องผิว
3. ผิวมัน
(Oily
Skin)
- ต่อมน้ำมันผลิตไขมันออกมาน้อย
- ต่อมเหงื่อขับน้ำออกมาน้อย
- ใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติในการชะล้างที่แรง น้ำหล่อเลี้ยงจึงถูกกำจัดด้วย ทำให้ขาดความชุ่มชื้น
- ขาดวิตามินซี
- อยู่ในที่อากาศร้อนมาก
- ออกแดดโดยไม่ปกป้องผิว
- ลักษณะผิว
ผิวชั้นนอกจะดูหนา เนื้อผิวหยาบ รูขุมขนเปิดกว้าง มีน้ำหล่อเลี้ยงผิวอยู่มาก
ผิวไม่เรียบ เนื่องจาก การอุดตันของไขมันและสิว
- ข้อแนะนำ
ทำความสะอาด สมานผิวด้วยโลชั่นสมานผิวสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ
เพื่อหยุดยั้งการทำงานของต่อมไขมันไม่ให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
รับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ เนื้อที่ไม่ติดมัน ปลา และดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
- สาเหตุ
- ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
- ระบบการเผาผลาญอาหารไม่ดี
4. ผิวผสม
(Combination
Skin)
- ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
- ระบบการเผาผลาญอาหารไม่ดี
- ลักษณะผิว
โดยรวมจะเป็นผิวแห้ง ผิวธรรมดา และผิวมันเข้าด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวบริเวณนั้น
ๆ ว่าเป็นผิวอะไร เช่น บริเวณทีโซน มักจะมัน บริเวณแก้ม รอบดวงตา คอเป็นผิวธรรมดา
ข้อแนะนำ
ควรดูแลสภาพผิวพรรณให้เหมาะสมกับลักษณะผิวบริเวณนั้น ๆ
การระคายเคืองและการแพ้ของผิว
ผิวทั้ง 4 ชนิดมีสิทธิแพ้ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผิว เนื่องจาก ผิวหนังเป็นหน้าด่านที่จะต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่มาสัมผัสกับร่างกาย ผิวหนังจึงมีกลไกในการต่อต้านสิ่งเหล่านี้เพื่อปกป้องร่างกาย ถ้าสิ่งที่มาสัมผัสไม่รุนแรงผิวหนังอาจจะไม่แสดงอาการออกมา แต่ถ้ามีความรุนแรงกลไกการต้านทานไม่ไหว จะแสดงอาการเกิดขึ้น เช่น บวม (Edema) แดง (Erythema) เป็นเม็ดพุพอง (Blisttering) หดตัว (Shriveling) ไหม้ (Burn) หลุดลอกเป็นสะเก็ด (Desquamation) คันเป็นผื่นแดง (Eczema) อาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใหญ่ ๆ 2 ประการ คือ การระคายเคือง (Irritation) การแพ้ (Allergy or sensitization)
การระคายเคืองจากเครื่องสำอางมักจะเกิดจากสบู่ที่มีความเป็นด่าง
ทำให้ผิวหนังแห้ง ถ้าผู้ใช้สบู่มีการถูแรง ๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก
ผิวจะแห้งสากมากขึ้นทำให้เกิดการแพ้สารอื่นตามมาได้ นอกจากนี้ อาจจะทำให้รูขุมขนเกิดการระคายเคืองต่อต่อมไขมัน
ทำให้ไขมันอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวตามมา
Website: http://yanincosmetic.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น