วันศุกร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2558

หลักการเบื้องต้นในการดูแลรักษาผิวตามสภาพผิวหนัง

หลักการเบื้องต้นในการดูแลรักษาผิวตามสภาพผิวหนัง

ลักษณะผิวประเภทต่าง ๆ

1. ผิวธรรมดา (Normal Skin) 

  • เป็นลักษณะผิวที่หาได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุมชนเมือง
  • ลักษณะผิว สะอาด เนียนนุ่ม เต่งตึง ไม่มัน ไม่มีริ้วรอย เนื้อเยื่อชั้นหนังกำพร้าจะมีความหนาพอดีไม่บางหรือหนาเกินไป มีความยืดหยุ่นดี เนื้อผิวชุ่มชื้น น่าสัมผัส

2. ผิวแห้ง (Dry Skin)

  • ลักษณะผิว ผิวชั้นนอกบางเห็นเส้นเลือดแดงเรื่อ ๆ เนื้อผิวแตกเป็นเกล็ดขุยลอกออกเป็นคราบ มีอาการคันร่วมด้วย เกิดริ้วรอยได้ง่าย จะรู้สึกแน่นตึงบนผิวหน้าโดยเฉพาะหลังจากล้างหน้าเสร็จใหม่ ๆ ผิวเช่นนี้จะเกิดอาการแพ้ได้ง่าย
  • ข้อแนะนำ ล้างหน้า สมานผิวและบำรุงผิวทุกวัน
  • สาเหตุ
    • ต่อมน้ำมันผลิตไขมันออกมาน้อย
    • ต่อมเหงื่อขับน้ำออกมาน้อย
    • ใช้สบู่ที่มีคุณสมบัติในการชะล้างที่แรง น้ำหล่อเลี้ยงจึงถูกกำจัดด้วย ทำให้ขาดความชุ่มชื้น
    • ขาดวิตามินซี
    • อยู่ในที่อากาศร้อนมาก
    • ออกแดดโดยไม่ปกป้องผิว
3. ผิวมัน (Oily Skin)

  • ลักษณะผิว ผิวชั้นนอกจะดูหนา เนื้อผิวหยาบ รูขุมขนเปิดกว้าง มีน้ำหล่อเลี้ยงผิวอยู่มาก ผิวไม่เรียบ เนื่องจาก การอุดตันของไขมันและสิว
  • ข้อแนะนำ ทำความสะอาด สมานผิวด้วยโลชั่นสมานผิวสำหรับผิวมันโดยเฉพาะ เพื่อหยุดยั้งการทำงานของต่อมไขมันไม่ให้ผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป รับประทานอาหารประเภทผัก ผลไม้ เนื้อที่ไม่ติดมัน ปลา และดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
  • สาเหตุ
    • ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากเกินไป
    • ระบบการเผาผลาญอาหารไม่ดี
4. ผิวผสม (Combination Skin)

  • ลักษณะผิว โดยรวมจะเป็นผิวแห้ง ผิวธรรมดา และผิวมันเข้าด้วยกัน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวบริเวณนั้น ๆ ว่าเป็นผิวอะไร เช่น บริเวณทีโซน มักจะมัน บริเวณแก้ม รอบดวงตา คอเป็นผิวธรรมดา
ข้อแนะนำ ควรดูแลสภาพผิวพรรณให้เหมาะสมกับลักษณะผิวบริเวณนั้น ๆ


การระคายเคืองและการแพ้ของผิว


ผิวทั้ง 4 ชนิดมีสิทธิแพ้ได้ขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของผิว เนื่องจาก ผิวหนังเป็นหน้าด่านที่จะต้องเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ ที่มาสัมผัสกับร่างกาย ผิวหนังจึงมีกลไกในการต่อต้านสิ่งเหล่านี้เพื่อปกป้องร่างกาย ถ้าสิ่งที่มาสัมผัสไม่รุนแรงผิวหนังอาจจะไม่แสดงอาการออกมา แต่ถ้ามีความรุนแรงกลไกการต้านทานไม่ไหว จะแสดงอาการเกิดขึ้น เช่น บวม (Edema) แดง (Erythema) เป็นเม็ดพุพอง (Blisttering) หดตัว (Shriveling) ไหม้ (Burn) หลุดลอกเป็นสะเก็ด (Desquamation) คันเป็นผื่นแดง (Eczema) อาการเหล่านี้เกิดจากสาเหตุใหญ่ ๆ 2 ประการ คือ การระคายเคือง (Irritation) การแพ้ (Allergy or sensitization)


การระคายเคืองจากเครื่องสำอางมักจะเกิดจากสบู่ที่มีความเป็นด่าง ทำให้ผิวหนังแห้ง ถ้าผู้ใช้สบู่มีการถูแรง ๆ เพื่อให้สิ่งสกปรกหลุดออก ผิวจะแห้งสากมากขึ้นทำให้เกิดการแพ้สารอื่นตามมาได้ นอกจากนี้ อาจจะทำให้รูขุมขนเกิดการระคายเคืองต่อต่อมไขมัน ทำให้ไขมันอุดตันรูขุมขน ทำให้เกิดสิวตามมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น