ในกลุ่มฝรั่ง และกลุ่มประเทศยุโรปที่มีผิวขาว จะชอบตากแดด ซึ่งจะมีปัญหามาก เพราะอาจเกิดการทำลายเส้นใยคอลลาเจน เส้นใยอิลาสติน จนก่อให้เกิดริ้วรอย เหี่ยวย่น
และอาจมีการทำลายโครโมโซม ซึ่งหากร่างกายเราซ่อมแซมไม่ทัน
ก็สามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็วผิวหนังซึ่งมีหลายชนิด
และอาจก่อให้เกิดอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ นอกจากนี้ การต้องเผชิญกับแสงแดดยังทำให้เกิดเป็นฝ้า กระ จุดด่างดำ มากขึ้นด้วย
โดยประเทศไทยตั้งอยู่เขตร้อนจึงมีแสงแดดตลอดทั้งปี แต่ละวันจึงมีช่วงแสงแดดจ้าถึงกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งข้อดีของการมีแสงแดดมีมากมาย ซึ่งช่วยให้เรามีอาหารการกินอุดมสมบูรณ์ เพราะแสงแดดเป็นแหล่งกำเนิดพลังงานของสิ่งมีชีวิตบนโลก ในปัจจุบันเรามีการใช้ประโยชน์จากแสงแดดและ Solar Cell มาสร้างพลังงานเพื่อใช้ประโยชน์ในด้านต่าง ๆ และแต่ในทางกลับกัน คนไทยส่วนใหญ่มีค่านิยม คือ ต้องการมีผิวพรรณที่งดงาม แลดูผิวขาวใส ไร้ริ้วรอย จุดด่างดำ และไม่ต้องการให้ผิวหน้าได้รับแสงแดดจนเกิดความหมองคล้ำ
แม้ว่าแสงแดดจะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า อิทธิพลจากแสงแดดใน
ปัจจุบันนั้น อย่างเช่น ให้เกิดโรคผิวหนังต่าง ๆ มากมายด้วยเช่นกัน เช่น
โรคแพ้แดดซึ่งเกิดจากรังสีอัลตร้าไวโอเลต
โดยรังสีชนิดนี้จะไปทำลายเซลล์ชั้นผิวหนัง ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวมแดง
คัน บางรายอาจมีอาการไข้ร่วมด้วย ซึ่งโรคนี้คนไทยยังเป็นกันน้อย เนื่องจาก
ร่างกายของเรามีเมลานินซึ่งเป็นรงควัตถุชนิดหนึ่ง ช่วยปกป้องคุ้มครองภัยจากแสงแดด
นอกจาก ปัญหาด้านผิวพรรณแล้ว บางครั้งยังอาจพบอาการเพลียแดด (Heat Exhaustion) และอาการลมแดด (Heat Stroke) ได้
อีกด้วย อาการเพลียแดดเป็นอาการอ่อนเพลีย เนื่องจาก การสูญเสียน้ำ
ซึ่งจะแสดงอาการรุนแรงน้อยกว่าลมแดด คนเพลียแดดจะเกิดอาการเหนื่อย
อ่อนเพลีย ถ้าเป็นมานานอาจมีอาการปวดหัวมึนงง กระสับกระส่าย คลื่นไส้
กล้ามเนื้อเป็นตะคริว ผิวหนังเย็น และชีพจรเต้นเบาเร็ว ถ้าพบว่า
มีอาการเพลียแดด ควรแก้ไขด้วยการนั่งพัก ดื่มน้ำผลไม้ หรือเกลือแร่
หากมีอาการมากขึ้น อาจต้องนอนพักโดยยกเท้าสองข้างขึ้นสอง
แล้วเช็ดตัวด้วยผ้าเย็น
สำหรับอาการลมแดด (Heat Stroke) จะ
เกิดขึ้นได้จากการที่ร่างกายเสียเหงื่อมาก ๆ
และยังได้รับการชดเชยจากน้ำและเกลือแร่ไม่ทัน
ทำให้การควบคุมอุณหภูมิในร่างกายเสียไป
ไม่สามารถทำการระบายความร้อนออกจากร่างกายได้
ผู้ป่วยจะมีอาการกระหายน้ำอย่างมาก มีไข้สูง หายใจสั้นเร็ว ปากคอแห้ง
เวียนหัว ตาพร่ามัว คลื่นไส้ อาเจียน และหมดสติ ทั้งนี้
หากรักษาไม่ทันท่วงที อาจมีอันตรายถึงชีวิตได้ ดังนั้น
เมื่อพบผู้ป่วยเป็นลมแดดควรรีบพาเข้าไปพักในที่ร่มที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี
นอนยกปลายเท้าให้สูง คลายเสื้อผ้าออกให้หลวม ใช้ผ้าเย็นเช็ดตัวตลอดเวลา
ในรายที่สามารถดื่มน้ำได้ ให้ดื่มเกลือแร่โดยจิบช้า ๆ และให้นอนพักสัก 1-2
ชั่วโมง และในรายที่ปฐมพยาบาลแล้วไม่ฟื้นให้รีบนำส่งแพทย์โดยด่วน
อย่างไรก็ดี แสงแดดจะมีประโยชน์มากมายเพียงใดก็ตาม แต่ก็มีพิษภัยได้ไม่น้อย อย่างก็ตาม ในช่วงหน้าร้อน
แสงแดดก็ยังเป็นเสน่ห์ที่ใครหลายคนชื่นชอบ ฉะนั้น ก่อนที่จะออกไปเผชิญแดดก็ควรที่จะป้องกันผิวและเตรียมร่างกายให้พร้อมเสียก่อน โดยการดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อให้เกิดความสมดุลของน้ำในร่างกาย ส่วนการป้องกันผิวพรรณนั้น ควรจะทาครีมกันแดด สวมเสื้อแขนยาว สวมแว่นตา หลีกเลี่ยงยาบางชนิดที่ถูกกระตุ้นโดยแสงแดด ฯลฯ
ดังนั้น หากเราทำได้อย่างนี้ รับรองว่า ผิวพรรณ ผิวขาวของใบหน้าจะคงความขาวใส สดใส ไร้ริ้วรอยเหี่ยวย่น ไม่ไหม้แดด ไม่เป็นมะเร็งผิวหนัง และยังคงปราศจากภัยร้ายจากแสงแดดแน่นอน
ขอบคุณภาพจากอินเตอร์เน็ต
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น